วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2560

Zlatan Ibrahimović


ซลาตัน อิบราฮิโมวิช


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ซลาตัน



ชื่อ : ซลาตัน อิบราฮิโมวิช     

เชื้อชาติ : สวีเดน

วันเกิด : 3 ตุลาคม 1981

อายุ : 32 ปี

สถานที่เกิด : เมืองมัลโม่ ประเทศสวีเดน

ส่วนสูง : 195 ซม.

ต้นสังกัด :แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

ตำแหน่ง : กองหน้า



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ซลาตัน เดก




  ซลาตัน อิบราฮิโมวิช เกิดเมื่อวันที่  3 ตุลาคม 1981 และเติบโตในย่านใกล้กับเมือง มัลโม่ นั่นคือ โรเซนการ์ด ซึ่งส่วนใหญ่จะที่อยู่อาศัยของผู้อพยพ เนื่องจากพ่อแม่ของเขาเป็นชาวบอสเนียที่อพยพมาอยู่ในประเทศสวีเดน เขาเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุได้ 10 ขวบ สมัยเป็นเยาวชนเคยเล่นอยู่กับ เอฟบีเค บัลคาน ก่อนจะมาเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพกับสโมสรดังของบ้านเกิด มัลโม่ เอฟเอฟ ในฤดูกาล 1999-2000 โดยในช่วงนั้น อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือชาวฝรั่งเศส ประทับใจฝีเท้า ถึงขนาดชักชวนมาอยู่กับ อาร์เซนอล แต่ทว่าต้นสังกัดก็ไม่ยอมปล่อยตัวออกมา

     นอกจาก เวนเกอร์ ก็ยังมี ลีโอ บีนฮักเกอร์ กุนซือมือดี ก็แสดงความสนใจในตัวเขาอยู่เหมือนกัน หลังจากได้เห็นฝีเท้าระหว่างลงฝึกซ้อมที่สเปน แต่ก็สายเกินไป เพราะต้นสังกัดตกลงขายเขาไปให้กับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม สโมสรในดังในพรีเมียร์ดัตช์ ด้วยราคา 7.8 ล้านยูโร (ราว 320 ล้านบาท) ในช่วงเดือน ก.ค. ปี 2001 เรียบร้อยแล้ว
 ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ซลาตัน อาเจ็ก




โดยภายใต้การดูแลของ โค อาเดรียนเซ่ กองหน้าชาวสวีดิช ดูเหมือนจะไม่ได้ลับฝีเท้าเท่าที่ควร จนกระทั่งได้ลืมตาอ้าปาก หลังจากที่ โรนัน คูมันน์ เข้ามาเก้าอี้นายใหญ่คนใหม่ และก็สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้สำเร็จเสียด้วย เรียกว่าเป็นกองหน้าเบอร์ 1 ที่กุนซือขาดไม่ได้ 

 ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ซลาตัน ยูเวนตุส





  เเต่ชีวิตของเขาก็ต้องพลิกผันอีกครั้งในวันที่ 31 ส.ค. 2004 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของกำหนดเส้นตายการซื้อขายนักเตะในช่วงซัมเมอร์ ซลาตัน ย้ายมาอยู่ในถิ่น เดลเล่ อัลปิ ของ ยูเวนตุส ด้วยค่าตัว 16 ล้านยูโร (ราว 640 ล้านบาท) แม้ว่าเพิ่งจะย้ายได้เพียงครึ่งฤดูกาลหลัง แต่เขาก็โชว์ฟอร์มถล่มประตูได้เป็นกอบเป็นกำถึง 16 ลูก พร้อมกับเบียด อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ กองหน้าจอมเก๋า ตกขอบกลายเป็นตัวสำรองไปโดยปริยาย

     จากฟอร์มที่สุดยอด ทำให้มีข่าวออกมาว่า "ม้าลาย" ได้ปฏิเสธข้อเสนอจาก "ราชันชุดขาว" รีล มาดริด แม้ว่าจะสูงลิบลิ่วถึง 70 ล้านยูโร (ราว 2,800 ล้านบาท) ก็ตาม ทำให้เขายังคงค้าแข้งอยู่ในลีกอิตาลีต่อไป จากนั้นก็ได้รับการโหวตให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล 2004/05 จากแฟนบอล ยูเวนตุส อีกด้วย พร้อมกับได้อันดับ 8 ของรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปี 2005 ของฟีฟ่าด้วย เท่านั้นไม่พอ รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของสวีเดน (กัลด์โบเลน) ยังตกเป็นของเขาด้วย

 รูปภาพที่เกี่ยวข้อง





  แต่แล้ว ในปี 2006 เกิดจุดพลิกผัน เมื่อ ยูเวนตุส  ถูกปรับตกชั้นข้อหาล้มบอล!!! หล่นร่วงไปเล่นในเซเรีย บี ทำให้ผู้เล่นย้ายทีมกันเป็นแถบ ซึ่งแน่นอน กองหน้าตัวฉกาจอย่างเขา ย่อมต้องมีทีมยื้อแย่งตัวกันใหญ่ และก็เป็นทีม งูใหญ่ อินเตอร์ มิลาน ไปได้ตัวเขาไป สามฤดูกาลที่ ซลาตัน อยู่กับอินเตอร์ เขาลงเล่นทั้งหมด 117 นัด ทำได้ 66 ประตู โดยเฉพาะฤดูกาล 2008/09 ทำได้ในเซเรีย อา 25 ลูก คว้าตำแหน่งดาวซัลโวไปครอง

 ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ซลาตัน บารซ่า





และในช่วงก่อนเปิดฤดูกาล 2009/10 บาร์เซโลน่า ซึ่งต้องการปล่อยตัว ซามูเอล เอโต้ ออกไปอยู่แล้ว ได้บรรลุข้อตกลง ในการยื่นตัวเอโต้บวกเงิน แลกตัวซลาตัน มายังถิ่นคัมป์ นู แทนแล้ว โดยเปิดตัวกับทีมใหม่เมื่อวันที่ 28 กรกฏาคม 2009 ซลาตัน จบฤดูกาลนี้ ด้วยการยิงให้กับ "เจ้าบุญทุ่ม" ไปทั้งหมด 16 ประตู ช่วยให้ต้นสังกัด คว้าแชมป์ลา ลีก้า แต่ชีวิตของเขาก็ไม่ได้สวยหรูนัก เมื่อเขาออกมาแถลงข่าวถึงความสัมพันธ์ที่เลวร้ายระหว่างตัวเขาและ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือของทีม
 ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ซลาตัน ac





     ต่อมา ในวันที่ 28 สิงหาคม 2010 เอซี มิลาน ได้ประกาศผ่านเวบไซต์ของสโมสรว่า ได้บรรลุข้อตกลงยืมตัว ซลาตัน มาใช้งานในฤดูกาล 2010-11 เป็นเวลา 1 ฤดูกาล พร้อมกับออพชั่นซื้อขาดในราคา 24 ล้านยูโร (ราว 960 ล้านบาท) ในตอนจบฤดูกาล เขาลงเล่นให้กับทีมเป็นครั้งแรกในนัดที่แพ้ เชเซน่า 0-2 เมื่อวันที่ 11 กันยายน ซึ่งเขาเป็นคนยิงจุดโทษพลาดอีกต่างหาก ต่อมาฟอร์มของเขาก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็สามารถพา "ปีศาจแดง-ดำ" คว้าแชมป์สคูเด็ตโต้ได้สำเร็จ และ เอซี มิลาน ก็จัดการคว้าตัวเขามาครอบครองอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 18 มิถุนายน 2011



     ในฤดูกาล 2011-12 ซลาตัน โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมให้กับ "ปีศาจแดง-ดำ" โดยเขายิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำ เฉพาะในเซเรีย อา ซัดไปถึง 25 ประตู ทำให้จบฤดูกาลด้วยสถิติลงเล่น 32 นัด ยิง 28 ประตู เลยทีเดียว
 ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ซลาตัน ปารีส




     และก็เกิดความเปลี่ยนแปลงในชีวิตการค้าแข้งของ ซลาตัน อีกครั้ง เมื่อเขาตัดสินใจย้ายทีมมาอยู่กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยักษ์ใหญ่ของ ลีก เอิง ฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2012 ด้วยสัญญา 3 ปี และรับค่าเหนื่อยจำนวนมหาศาลถึง 14 ล้านยูโร (ราว 560 ล้านบาท) เป็นรองแค่เพียง ซามูเอล เอโต้ เท่านั้น ที่ได้ค่าเหนื่อยมากกว่าเขาในโลกใบนี้



     และเขาก็ไม่ทำให้สโมสรผิดหวังโดยยิงประตูใน ลีก เอิง ไปทั้งสิ้น 30 ประตู ทำให้จบฤดูกาล 2012-13 ด้วยรางวัลดาวซัลโวของลีก ซึ่งเขาก็เป็นนักเตะคนแรกที่ทำประตูได้เท่ากับที่ ฌอง ปิแอร์ ปาแปง ตำนานดาวยิงของฝรั่งเศส เคยทำได้ในฤดูกาล 1989-90
Manchester United v Zorya Luhansk, September 2016 (08) - Zlatan Ibrahimović (edited).jpg









ปัจจุบันเป็นผู้เล่นของเมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
     

Wayne Rooney

เวย์น รูนี่ย์
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ rooney 2017 picture

เชื้อชาติ : อังกฤษ

วันเกิด : 24 ต.ค. 1985

อายุ : 31 ปี

สถานที่เกิด : ลิเวอร์พูล ,อังกฤษ

ส่วนสูง : 176 ซม.

ต้นสังกัด : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด


ตำแหน่ง : กองหน้า
          รูนี่ย์ มีบ้านเกิดอยู่ในย่านคร็อกซ์เทธ และได้รับแรงบันดาลใจในการฝากตัวเป็นสาวกท๊อฟฟี่จากคนในครอบครัว และยังคงมีใจให้กับเอฟเวอร์ตันเสมอ 
          แน่นอนว่าด้วยความรักที่มีต่อเอฟเวอร์ตัน ทำให้เจ้าหนูรูน มีความปรารถนาที่จะสวมเสื้อสีน้ำเงินเข้มลงเล่นในสนามกูดิสัน ปาร์ค ต่อหน้าชาวเอฟเวอร์โตเนี่ยนและฝันนั้นของรูนี่ย์ ก็เริ่มมีเค้าลางของความจริงเมื่อเขาได้รับการเซ็นสัญญาเป็นผู้เล่นในทีมเยาวชนในวันเกิดอายุครบรอบ 11 ปี อันเป็นผลพวงมาจากผลงานที่โดดเด่นสุดๆในสมัยเป็นนักเรียนโรงเรียน ลิเวอร์พูล สคูลบอยส์ และทีมเยาวชนเดอะ ไดนาโม บราวนิ่งส์ หลังจากนั้นรูนี่ย์ ก็ใช้เวลาขัดเกลาตัวเองอยู่ในรั้วหัวใจของชาวกูดิสัน ปาร์ค และรอเวลาที่จะเปล่งประกายเป็นดาวจรัสแสงดวงใหม่ของวงการฟุตบอลอังกฤษ
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ rooney everton 1st goal
          
   ชีวิตบางครั้งก็เหมือนเทพนิยาย และความสำเร็จก็อาจมาโดยไม่ทันตั้งตัวก็เป็นได้ ซึ่งเรื่องราวบทแรกในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพของเขาก็ต้องถูกจารึกไว้ เมื่อกลายเป็นผู้ทำประตูที่อายุน้อยที่สุดในพรีเมียร์ลีกได้ด้วยวัยเพียง 16 ปีกับอีก 360 วัน (ก่อนที่จะโดนแซงหน้าไปอีก 2 ครั้ง) ในวันที่ 19 ต.ค. 2002 แต่ที่เหนือไปกว่านั้นคือประตูแรกของรูนี่ย์ มีความหมายอย่างยิ่งเพราะเป็นประตูในช่วงนาทีสุดท้ายที่ช่วยให้เอฟเวอร์ตัน เอาชนะอาร์เซนอล ที่ไม่เคยแพ้ใครมา 30 เกมได้สำเร็จ และยังเป็นประตูสุดสวยด้วยการปั่นไซด์โค้งระยะกว่า 30 หลาเข้าสามเหลี่ยมมุมบนแบบสุดอัศจรรย์อีกด้วย นับตั้งแต่นั้นมา รูนี่ย์ ก็ถูกจับตามองจากสื่อมวลชนในอังกฤษ และได้รับการยกย่องให้เป็นวันเดอร์คิดคนใหม่ของวงการฟุตบอล และได้รับรางวัลนักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำปี 2002 ด้วยเมื่อจบฤดูกาลแรก

          แต่ชีวิตของรูนี่ย์ ก็ประสบปัญหาในฤดูกาลต่อมา เมื่อเอฟเวอร์ตัน มีผลงานตกต่ำลงอย่างน่ากลัว ขณะที่รูนี่ย์ เองก็มีปัญหาอาการบาดเจ็บและฟอร์มการเล่นที่ดร็อปลงไปมาก รวมทั้งยังเริ่มมีพฤติกรรมในทางที่ไม่เหมาะสมเช่นการไปเที่ยวสถานเริงรมย์และมีรสนิยมชอบสาวที่มากประสบการณ์เป็นต้น อย่างไรก็ดี คนเมื่อถูกฟ้าลิขิตมาให้เป็นดาวประดับฟ้า อะไรจะมาหยุดนักเตะที่มีพรสวรรค์สูงอย่างรูนี่ย์ได้

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ฤดูกาล 2004/2005
               

                  
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
          แต่ถึงจะรักเอฟเวอร์ตันแค่ไหน รูนี่ย์ ก็ไม่สามารถปฏิเสธโอกาสที่จะได้เติบโตก้าวหน้าไปอีกหลายก้าวกับทีม "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้ ซึ่งแม้ว่าเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะต้องยอมเสี่ยงซื้อนักเตะที่ยังบาดเจ็บอยู่มาด้วยค่าตัวถึงกว่า 27 ล้านปอนด์ แต่รูนี่ย์ ก็ได้ตอบแทนความไว้วางใจด้วยผลงานเหนือเมฆในเกมแรกที่ลงสนามด้วยการยิงแฮตทริกทันทีในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กระนั้นฟอร์มการเล่นของเขาก็ยังไม่ค่อยมีความสม่ำเสมอมากนัก เนื่องจากแมนฯ ยูไนเต็ด เองก็มีปัญหาความไม่ลงตัวโดยเฉพาะรุด ฟาน นิสเตลรอย กองหน้าตัวเป้าที่มีปัญหาคาใจกับทางคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกดาวรุ่งของทีมจนเป็นชนวนบาดหมางและลงเอยที่กองหน้าชาวฮอลแลนด์ ที่เป็นดาวซัลโวประจำทีมต้องย้ายออกไปในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา
ฤดูกาล 2005/2007
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
          สามารถคว้าแชมป์แรกกับแมนฯยูได้สำหรับในฟุตบอลลีก คัพ ที่ถล่มเอาชนะวีแกน 4-0 จากการเบิ้ลคนเดียว 2 ตุงทำให้เขาได้รับรางวัลแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนั้นไป ก่อนจะมาได้รับบาดเจ็บหนักในเกมพ้ายต่อ เชลซี 0-3 แชมป์ลีกในตอนนั้นจากการเข้าปะทะของ เปาโล เฟอร์เรร่า ซึ่งฤดูกาลนั้น รูนี่ย์ ซัดไปได้ 16 ประตูจากการลงเล่น 26 นัด 
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
          รูนี่ย์ เริ่มต้นฤดูกาล 2006/2007 ด้วยการถูกสมาคมฟุตบอลของอังกฤษคร่าโทษแบนถึง 3 นัด จากการสับศอกใส่ เปเป้ กองหลัง ปอร์โต้ ในตอนนั้น ในฟุตบอลรายการ อัมสเตอร์ดัม ทัวร์นาเม้น ช่วงปรีซีซั่นแม้ต้นสังกัดอย่าง แมนฯยู จะยื่นขออุธรณ์แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ หลังจากพ้นโทษแบนมาเจ้าตัวงัดฟอร์มเก่งไม่ออกแต่อย่างใดก่อนจะจบช่วงครึ่งซีซั่นแรกด้วยการทำประตูไม่ได้เลย ก่อนจะมาปลดล็อคได้สำเร็จด้วยการซัดแฮตทริคใส่ โบลตัน สุดท้ายฤดูกาลนั้น รูนี่ย์ คว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของเขาด้วยผลงานกดไป 14 ประตูด้วยกัน และแจ้งข่าวดีต่อแฟนๆด้วยการจรดปากกาต่อสัญญาออกไปจนถึงปี 2012
ฤดูกาล 2009/2010
          เวย์น รูนี่ย์ ได้ถูกจับตามองเป็นพิเศษด้วยเหตุที่ว่าการจากไปของ คริสเตียโน โรนัลโด ดาวยิงประจำทีมที่ย้ายไปซบ ราชันย์ชุดขาว เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่แห่งสเปน แฟนบอลต่างพากันตั้งความหวังกับเขาในฐานะดาวยิงคนใหม่ของทีมแทนที่โรนัลโด เพราะเขาคือความหวังเดียวในตำแหน่งศูนย์หน้าในขณะนั้น ซึ่งรูนีย์ก็ไม่ทำให้แฟนๆผิดหวังโดยเขายิงประตูในพรีเมียร์ลีกไปได้ 26 ประตูมากที่สุดเท่าที่เขาเคยค้าแข้งมา ทำให้แฟนผีแดงลืมโรนัลโดไปสนิท


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ฤดูกาล 2010/2011
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ rooney 2010/2011
          28 สิงหาคม 2010 เบิกสกอร์แรกให้กับตัวเองด้วยการสังหารจุดโทษในเกมเปิดบ้านไล่ต้อน เวสต์แฮม 3-0 เดือนตุลาคม เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้แจ้งว่า รูนี่ย์ ต้องการย้ายออกจากทีม โดยหวังจะย้ายทีมไป เรอัล มาดริด ตามรอย โรนัลโด้ อดีตคู่หูในแดงหน้าของผีแดง เหตุการณ์วุ่นวายนี้ยืดเยื้ออยู่พักใหญ่จนในที่สุด เวย์น รูนี่ย์ ก็ตัดสินใจต่อสัญญาออกไปเป็นเวลา 5 ปีจนได้ และตัวเขาก็ออกมาขอโทษเพื่อนรวมทีมและแฟนบอลกับเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นและเจ้าตัวก็กลับมาลงสนามในอีกครั้ง 12 กุมภาพันธ์ รูนี่ย์ ซัดประตูสุดสวยใส่คู่เพื่อนบ้านอย่าง แมนฯซิตี้ ช่วยพาทีมเอาชนะไปได้ 2-1
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ rooney 2010/2011 premier league champion
          2 เมษายน 2010 รูนี่ย์ ถลุงประตูครบ 100 ในศึกพรีเมียร์ ลีก ได้สำเร็จ ตามรอยรุ่นพี่ในทีมอย่าง ไรอัน กิ๊ก และ พอล สโคลส์ 14 มิถุนายน 2011 ทำประตูสำคัญช่วยให้ทีมแบ่งแต้มกลับออกมาจากถิ่น อีวู้ด ปาร์ค ของ แบล็คเบิร์น ได้สำเร็จและดีพอที่จะคว้าแชมป์ลีกไปครองได้ในปีนั้น
ฤดูกาล 2011/2012
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ rooney 2011/2012
          ซัดประตูครบ 150 ในพรีเมียร์ ลีก เกมเปิดบ้านถล่ม อาร์เซน่อล 8-2 และได้รับแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ด้วยการซัดฟรีคิก 2 ลูก, จุดโทษ 1 และแอสซิสต์ให้กับ นานี่ เพื่อนร่วมทีมอีก1ครั้ง หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ยังคงผลิตสกอร์ได้อยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2012 ลงเล่นครบ 500 นัดในเกมเฉือนเอาชนะคู่ปรับตลอดกาลอย่างลิเวอร์พูลไปได้ 2-1ส่งผลให้ รูนี่ย์ ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 6 ในการทำประตูตลอดกาลของสโมสร จบฤดูกาลนั้น รูนี่ย์ คว้ามือเปล่าไม่สามารถช่วยทีมคว้าแชมป์ได้
ฤดูกาล 2012/2013
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
          จากการมาของศูนย์หน้าคนใหม่อย่าง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ทำให้ เวย์น รูนี่ย์ ถูกดร็อปเป็นตัวสำรองบ่อยครั้งพร้อมด้วยถอยลงไปเล่นเป็นหน้าต่ำ ทำให้เจ้าตัวกลับมางอแงไม่พอใจอีกครั้งจนถึงขั้นขอย้ายทีมอีกครั้ง แต่ในที่สุดเจ้าตัวก็ไม่ได้ตัดสินใจย้ายไปไหนแถมยังประสานงานกับ โรบิน ฟานเพอร์ซี่ ได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วยจนสุดท้ายพาต้นสังกัดผงาดคว้าชัยแชมป์ ลีก เป็นสมัยที่ 20 ซึ่งถือว่ามากที่สุดในบรรดาทีมอังกฤษ และในปีนั้นเป็นการสิ้นสุดการคุมทัพ ปีศาจแดง ของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ด้วยระยะเวลาถึง 26 ปี
ฤดูกาล 2013/2014                  
          หลายคนจับจ้องไปที่เดวิด มอยส์ นายใหญ่คนใหม่ที่มาแทนที่การลาออกของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันเพราะ 2 คนนี้เคยทะเลาะกับตั้งแต่สมัยอยู่เอฟเวอร์ตัน แต่สุดท้ายแล้ว รูนี่ย์ ก็เปลี่ยนใจไม่ย้ายไปไหนเหมือนเดิม และมอยส์ก็ยังคงให้เขาเป็นตัวหลักของทีม

 รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
          เริ่มฤดูกาล 2013/14 ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก กับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เวย์น รูนี่ย์ สามารถช่วยทีมทำประตูถึง 2 ลูก และชนะทีมจากเยอรมันไปด้วยสกอร์ 4-2 ทำให้ รูนี่ย์ สร้างประวัติศาสตร์ให้กับตัวเขาเองโดยเขาสามารถทำประตูให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ครบ 200 ประตู ตามหลังดาวยิงตลอดกาลอย่าง เซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน เพียงแค่ 49 ลูกเท่านั้น ในฤดูกาลนั้น รูนี่ย์ จบฤดูกาลด้วยการคว้าตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของทีมที่ 17 ประตู 10 แอสซิสต์ 
ฤดูกาล 2014/2015
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ rooney van gaal
          ถือว่าเป็นปีที่มีการเปลี่ยนค่อยข้างเยอะเลยทีเดียวสำหรับ รูนี่ย์ และสโมสร เนื่องจากการลาทีมของ เนมันย่า วิดิช และ การเข้ามาของกุนซือจอมปรัญชาอย่าง หลุยส์ ฟาน กัล ส่งผลให้ รูนี่ย์ กลายเป็นกัปตันคนใหม่ของทีมทันที ประเดิมฤดูกาลใหม่ด้วยการซัดประตูจักรยานอากาศใส่ สวอนซี แต่ก็ไม่เพียงพอช่วยให้ทีมรอดพ้นจากความพ่ายแพ้ไปได้ 27 กันยายน ทำสถิติดาวยิงสูงสุดตลอดกาลแซงหน้า เธียร์รี่ อองรี ขี้นไปรั้งอันดับที่ 3 ได้สำเร็จในเกมเอาชนะ เวสต์แฮม ไปได้ 2-1 แต่ต้องสังเวยด้วยการโดนใบแดงไล่ออกจากสนามไป
          ภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล รูนี่ย์ ถูกถอยให้มาเล่นเป็นตำแหน่งมิดฟิลด์ทำให้เจ้าตัวสังหารประตูได้น้อยลงเรื่อยๆแม้จบฤดูกาลนั้น รูนี่ย์ จะเป็นดาวซัลโวของทีมแต่เป็นดาวซัลโวที่น้อยมากที่ 14 ประตูเท่านั้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่ปี 1982 
ฤดูกาล 2015/2016
26 สิงหาคม 2015 สิ้นสุดการไร้ซึ่งการทำประตูยาวนานถึง 878 นาทีลงได้สำเร็จในเกมซัดแฮตทริคใส่ คลับ บรูก ในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยน ลีก รอบแบ่งกลุ่ม 17 ตุลาคม สามารถซัดประตูในเกมบุกชนะ เอฟเวอร์ตัน 3-0 ส่งผลให้เขาทาบตำแหน่งอันดับที่สองดาวยิงสูงสุดของพรีเมียร์ ลีก ร่วมกับ แอนดี้ โคล รุ่นพี่ของทีม ที่ 187 ประตู
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ rooney fa cup
2 กุมภาพันธ์ 2016 ทำประตู 238 แซงหน้า เดนนิส ลอว์ ในการทำประตูสูงสุดของสโมสรตามหลังเพียงแค่ เซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน คนเดียวเท่านั้น ในปีนั้น รูนี่ย์ พสต้นสังกัดทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในฟุตบอลเอฟเอ คัพ และเป้นแชมป์เดียวเท่านั้นที่เขายังไม่เคยได้ สุดท้าย รูนี่ย์ ก็สมหวังสามารถคว้ามันมมาครอบครองได้สำเร็จด้วยการเฉือนเอาชนะ คริสตัล พาเลซ 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษปิดท้ายฤดูกาล 2015/2016 ไปได้อย่างสวยหรู
ฤดูกาล 2016 - ปัจจุบัน
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ rooney community shield 2-1
          ภายใต้การนำทีมยุคใหม่ของ "เดอะ สเปเชี่ยล วัน" โจเซ่ มูรินโญ่ รูนี่ย์ได้ลงเล่นในเกมคอมมูนิตี้ ชิลล์ ที่พบกับ เลสเตอร์ ซิตี้ และมีส่วนร่วมในการเปิดสกอร์แรกของทีมก่อนทีมจะคว้าแชมป์มาครองเปิดฤดูกาลนี้ไปได้ 


         

Neymar



เนย์มาร์ 


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เนย์มาร์




ชื่อ-นามสกุล : เนย์มาร์ ดา ซิลวา ซานโต๊ส จูเนียร์
วันเดือนปีเกิด : วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 1992
สถานที่เกิด : โมกิ ดาส ครูซเซส, บราซิล
ส่วนสูง : 174 เซนติเมตร
ตำแหน่ง : กองหน้า


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เนย์มาร์
     เนย์มาร์ ปัจจุบัน ย้ายมาค้าแข้งให้กับ "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า โคตรทีมแห่งลาลีก้า สเปน และเป็นดาวยิงเบอร์หนึ่งของทีมชาติบราซิลในตอนนี้ เมื่ออายุได้ 19 กองหน้าดาวรุ่ง ได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของทวีปแอฟริกา ประจำปี 2011 หลังจากเคยคว้าอันดับ 3 เมื่อปี 2010 
     ในปีเดียวกันนั้น (2011) หัวหอกร่างบาง ยังมีชื่อเข้าชิงบัลลังดอร์ พร้อมกับคว้ารางวัล ฟีฟ่า ปุสกัส อีกด้วย จากนั้น เนย์มาร์ ก็คงความยอดเยี่ยมเอาไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการคว้ารางวัลดังกล่าวในปีถัดมา จุดเด่นของ เนย์มาร์คือ ความเร็ว, สปีดต้น, ทีมชาติบราซิล ยอมรับแล้วว่า ตนเองจะย้ายจาก ซานโต๊ส ในบ้านเกิด ไปค้าแข้งกับทีม บาร์เซโลน่า ในสเปน หลังจากเนื้อหอมได้รับความสนใจจากหลายทีมยักษ์ใหญ่ของยุโรปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา…
ประวัติส่วนตัว
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เนย์มาร์เด็ก
     เนย์มาร์ เกิดที่ โมกี ดาส ครูเซส เซาเปาโล โดยเจ้าตัวเติบโตมาพร้อมกับการรักในการเล่นฟุตซอล และ สตรีทฟุตบอล พ่อของเนย์มาร์คือ เนย์มาร์ ดา ซิลวา ซีเนียร์ อดีตนักฟุตบอล ซึ่งปัจจุบันพ่อของเขา กลายเป็นที่ปรึกษาส่วนตัว (เอเย่นต์) ของ เนย์มาร์ อีกด้วย
     ในปี 1992 เนย์มาร์ ย้ายครอบครัวไปอยู่ ที่ เซา บิเซนเต และเป็นจุดเริ่มของการเล่นฟุตบอลระดับเยาวชนกับทีม โปรตูกีซ่า จากนั้นเขาได้เข้าร่วมทีมเยาวชนของซานโต๊ส ในปี 2003 ก่อนที่จะได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่และประเดิมสนามเป็นครั้งแรกในเกมที่ชนะ โอเอสเต้ 2001 เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2009 ในขณะที่อายุได้เพียง 17 ปี 
     เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 2010 เนย์มาร์ สร้างความฮือฮาด้วยการเหมาคนเดียว 5 ประตูในเกมที่ช่วยให้ทีมต้อนตือ กัวรานี่ 8-1 ก่อนที่ ซานโต๊ส จะคว้าแชมป์เปาลิสต้า 2010 ไปครองหลังจากที่ชนะซานโต อังเดร ในรอบชิงชนะเลิศ และศูนย์หน้าพรสวรรค์รายนี้ก็คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ไปครอง เมื่อทำได้ถึง 14 ประตูจาก 19 เกม 
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เนย์มาร์ ปี2010

 
     ในเดือน มิ.ย. 2010 ซานโต๊ส ได้ปฏิเสธข้อเสนอ 12 ล้านปอนด์ (540 ล้านบาท) จากเวสต์แฮมแบบไม่ต้องคิดหน้าคิดหลัง แต่ต่อมาไม่นานก็มีข่าวว่าเรอัล มาดริด ได้ตกลงเซ็นสัญญาล่วงหน้ากับ เรนาโต้ โรดริเกซ เอเย่นต์ของเนย์มาร์แล้ว ทว่า ซานโต๊ส ยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด 
     หลังจากที่มีข่าวลือเกี่ยวกับเนย์มาร์ อย่างต่อเนื่อง ซานโต๊ส ก็ตัดสินใจที่จะจับกองหน้าตัวเก่งต่อสัญญากับสโมสรไปจนถึงเดือนธ.ค. 2014 พร้อมกับตั้งค่าตัวไว้ที่ 30 ล้านยูโร (ราว 1,280 ล้านบาท) 

     ขณะที่ เนย์มาร์ ยืนยันว่าตนขอมีสมาธิกับการเล่นให้ต้นสังกัดเท่านั้น แต่เอเย่นต์ของเขากลับอ้างว่าหัวหอกเนื้อหอมรายนี้ต้องการจะย้ายไปค้าแข้งในยุโรป  ณ เวลานี้ อนาคตของเนย์มาร์ ยังคงคลุมเครืออยู่ก็จริง แต่ดาวโรจน์แห่งวงการลูกหนังคงจะไม่หยุดอยู่แค่ในลีกบราซิลเป็นแน่แท้ รอลุ้นเพียงแค่ว่าทีมไหนจะโชคดีได้หัวหอกพรสวรรค์สูงรายนี้ไปร่วมทีมเท่านั้น  
     วันที่ 24 พ.ค. 2013 ซานโต๊ส ออกมาประกาศว่าได้รับข้อเสนอซื้อตัวเนย์มาร์ จากสองสโมสร ซึ่ง 3 วันถัดมาดาวยิงทีมขาติบราซิลก็ตกลงไปย้ายไปร่วมทัพบาร์เซโลน่า เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2013 ด้วยสัญญาระยะยาว 5 ปี โดยมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 3 มิถุนายน 2013 หลังจากผ่านการตรวจร่างกายกับทางทีมแพทย์
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

     ส่วนเรื่องค่าตัวการย้ายทีม อยู่ที่ราว 48.6 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2187 ล้านบาท) นับเป็นค่าตัวสูงที่สุดเป็นอันดับ 9 ในประวัติศาสตร์การซื้อขายผู้เล่น พร้อมกับค่าฉีกสัญญา 190 ล้านยูโร (7600 ล้านบาท)


วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2560

Lionel Messi

ลีโอเนล เมสซี่
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เมสซี่

ลิโอเนล เมสซี่ หรือในชื่อเต็มว่า ลิโอเนล อันเดรส เมสซี่ เกิดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ปี 1987 เป็นเมสซี่เป็นเด็กหนุ่มที่เกิดในแคว้นซานตา เฟ่ ที่เมืองโรซาริโอ ประเทศอาร์เจนติน่า 
     เจ้าหนูลิโอเนล หรือ "ลีโอ" เริ่มต้นเล่นฟุตบอลมาตั้งแต่ 5 ขวบ และได้อยู่กับสโมสรเล็กๆที่ชื่อว่า กรานโดลี่ ซึ่งมีพ่อเป็นโค้ชให้ จนกระทั่งในปี 1995 ก็ได้ย้ายไปอยู่กับสโมสรที่ใหอญ่กว่าอย่างนีเวลล์ส โอลด์ บอยส์ เพื่อเรียนวิชาลูกหนังที่เข้มข้นกว่าเดิม
     เมื่อได้ย้ายมาสู่นีเวลล์ส โอลด์ บอยส์ สโมสรในระดับลีกสูงสุดของอาร์เจนติน่า เส้นทางของเจ้าหนูตัวเล็กรายนี้น่าจะไปได้สวยและมีโอกาสจะค่อยๆ ไต่ขึ้นไปสู่ทีมชุดใหญ่ได้ในอนาคตก้าวสู่เส้นทางลูกหนังตั้งแต่อายุ 11 ปี โดยไปร่วมสังกัดนีเวลล์ส โอลด์ บอยส์


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เมสซี่เดก
     แต่ในขณะที่เมสซี่ กำลังจะไปได้ดี โชคชะตาก็เล่นตลกกับเขาอย่างจัง เมื่อร่างกายที่เล็กเกินกว่าเพื่อนร่วมรุ่นขาดพัฒนาการ ร้อนถึงพ่อต้องจับตรวจและพบว่าเมสซี่ มีปัญหาในเรื่องการเจริญเติบโตของร่างกาย เนื่องจากฮอร์โมนบางตัวได้ขาดไป และพ่อแม่ของเขาก็ไม่สามารถจ่ายค่ารักษาที่แสนแพงในอาร์เจนติน่าได้

    ในขณะที่หนทางกำลังจะตีบตัน ครอบครัวเมสซี่ ก็พบกับทางสว่าง เมื่อการ์เลส เรซัค ผู้อำนวยการด้านกีฬาของบาร์เซโลน่า ได้เห็นฟอร์มของเจ้าหนูมหัศจรรย์รายนี้และประทับใจกับพรสวรรค์ที่มีเหลือล้นในตัว เรซัค จึงได้ยื่นข้อเสนอให้ว่าทางบาร์เซโลน่า ยินดีที่จะจ่ายเงินค่ารักษาให้แต่ว่าเมสซี่ จะต้องไปอยู่ที่สเปน ครอบครัวเมสซี่ไม่ปฏิเสธโอกาสนั้น จึงได้ตัดสินใจเดินทางไปอยู่ที่สเปนพร้อมกันทั้งครอบครัว เพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกัน
     ด้วยพรสวรรค์ ฝีเท้า และความเร็วในตัวเขา ทำให้เจ้าหนูเมสซี่ค่อยๆ ก้าวเป็นดาวเด่นในทีมระดับเยาวชนของบาร์ซ่า ก่อนจะถูกดันขึ้นสู่ทีมบาร์เซโลน่า บี อย่างรวดเร็ว




ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เมสซี่เดก


เส้นทางชีวิตของเมสซี่ ยังแรงและเร็วเหมือนจรวดทะยานขึ้นฟ้า เพียงแค่ไม่นานเขาก็กลายเป็นตัวหลักในทีมบี และทำผลงานเหลือเชื่อด้วยการยิงไปถึง 37 ประตูจากการเล่นแค่ 30 นัดเท่านั้น ฟอร์มการเล่นระดับนี้ไม่มีทางที่แฟรงค์ ไรจ์การ์ด นายใหญ่ทีม "เจ้าบุญทุ่ม" จะมองไม่เห็น และในปลายฤดูกาล 2004/05 ไรจ์การ์ด ก็เปิดทางให้เจ้าหนูมหัศจรรย์รายนี้ได้เริ่มต้นลงมาสัมผัสเกมในทีมชุดใหญ่ ซึ่งเมสซี่ ก็ใช้เวลาไม่นานในการควานหาประตูแรกในนัดที่พบกับอัลบาเซเต้ ซึ่งก็เป็นประตูสุดสวยด้วยการกระดกข้ามหัวผู้รักษาเข้าไป และเป็นประตูที่ทำให้เมสซี่ เป็นเจ้าของสถิติผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ยิงให้บาร์ซ่าได้ในวัย 17 ปี 10 เดือนกับอีก 7 วัน
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เมสซี่ อาร์เจนติน่า


หลังจากที่ได้ประเดิมเกมกับบาร์ซ่าไปแล้ว เมสซี่ ก็กลับมาเป็นแกนหลักของทีมชาติเยาวชนของอาร์เจนติน่า หลังได้ปฏิเสธโอกาสที่จะเล่นให้ทีมชาติสเปนไปก่อนหน้านั้น และในรายการฟุตบอลเยาวชนชิงแชมป์โลกที่เนเธอร์แลนด์ เมสซี่ ก็สร้างปรากฏการณ์ขึ้น เมื่อสามารถร่ายลีลาลูกหนังได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจและทุกคนที่ได้เห็นก็ต้องอุทานว่านี่มันดีเอโก้ มาราโดน่า ที่เกิดใหม่ชัดๆ ซึ่งในรายการนี้เมสซี่ เป็นกำลังสำคัญที่สุดในการพาทีมฟ้าขาวคว้าแชมป์และคว้าทั้งรางวัลดาวซัลโวด้วยจำนวน 6 ประตู และยังได้รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำรายการด้วย
     ทันทีที่จบรายการดังกล่าว บาร์ซ่า ก็จัดแจงต่อสัญญายาวให้เมสซี่จนถึงปี 2010 ทันที โดยมีเงื่อนไขในการย้ายทีมสูงถึง 150 ล้านยูโร มากกว่าโรนัลดินโญ่ รุ่นพี่ที่เป็นนักฟุตบอลหมายเลขหนึ่งของโลกถึงกว่า 30 ล้านยูโรเสียอีก และหลังจากนั้นไม่นาน ในวันที่ 4 ส.ค.2005 เมสซี่ ก็ถูกโฮเซ่ เปเกร์มาน เทรนเนอร์ทีมชาติอาร์เจนติน่า เรียกตัวติดทีมชาติชุดใหญ่ทันทีและได้ลงสนามนัดแรกทันทีในเกมกับทีมชาติฮังการี แต่ก็เป็นเกมประเดิมสนามที่เลวร้ายอย่างน่าเหลือเชื่อสำหรับเมสซี่ เมื่อถูกใบแดงไล่ออกจากสนามเพียงแค่ 40 วินาทีเท่านั้นหลังลงเล่นเนื่องจากผู้ตัดสิน มาร์คุส แมร์ก เห็นว่าไปชักศอกใส่วิลมอส วานซัค กองหลังทีมแม็กยาร์ที่พยายามดึงเสื้ออยู่ ทำให้เจ้าหนูมหัศจรรย์ต้องเดินออกจากสนามทั้งน้ำตา

     อย่างไรก็ตาม เมสซี่ ไม่ได้ท้อแท้มากนักและกลับมาลงสนามใหม่ให้กับทีมชาติอาร์เจนติน่า ในเกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกกับปารากวัย ในวันที่ 3 ก.ย. 2005 ซึ่งแม้จะได้เล่นเพียง 8 นาทีและแพ้ด้วยสกอร์ 1-0 แต่เมสซี่ ก็ถือว่านัดนี้เป็นการลงเล่นนัดแรกครั้งใหม่ของเขาในสีเสื้อฟ้าขาว ถัดมาไม่นานในวันที่ 25 ก.ย. เมสซี่ ก็ได้เป็นพลเมืองของประเทศสเปน ทำให้สามารถที่จะลงสนามให้กับทีมบาร์เซโลน่าได้อย่างไม่ติดขัดอีก หลังต้องอดทนรอข้างสนามมานานนับเดือนเนื่องจากทีมบาร์ซ่า มีนักเตะนอกโควต้าอียูเกินที่กำหนดแล้ว และเมสซี่ ก็ก้าวมาเป็นกำลังหลักในทีมของไรจ์การ์ดทันที ในฐานะสามเหลี่ยมมหัศจรรย์ร่วมกับซามูแอล เอโต้ และโรนัลดินโญ่ นำบาร์ซ่า คว้าดับเบิ้ลแชมป์ทั้งลา ลีกา และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้อย่างยิ่งใหญ่ ในปีนี้เมสซี่ ยังได้รับรางวัลโกลเด้น บอย จากนิตยสารตุตโต้ สปอร์ตด้วย และชื่อของเจ้าหนูมหัศจรรย์รายนี้ก็เป็นที่กล่าวขานกันในวงการฟุตบอล ซึ่งแทบไม่มีใครที่ไม่รู้จักลิโอเนล เมสซี่
     แต่ในปี 2006 เมสซี่ พบกับช่วงเวลาที่ไม่ดีนัก หลังกลับมาจากฟุตบอลโลกครั้งแรกในชีวิตด้วยความผิดหวังเนื่องจากอาร์เจนติน่า ต้องร่วงตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยน้ำมือเจ้าภาพเยอรมัน แต่ตัวเขาเองก็พอจะทำผลงานได้ดีไม่น้อยโดยยิงได้ 1 ประตูในเกมกับเซอร์เบียแอนด์มอนเตเนโกร (ถล่มไป 6-0) และทำให้เป็นเจ้าของสถิติผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูได้ในฟุตบอลโลกครั้งนี้
     หลังจากนั้น เมสซี่ เกิดโชคร้ายได้รับบาดเจ็บในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับแวร์เดอร์ เบรเมน ถึงขั้นกระดูกเท้าแตกจนต้องพักการเล่นมาอย่างยาวนานหลายเดือนนับจากนั้น อย่างไรก็ตาม เมสซี่ กลับมาลงเล่นได้อีกครั้งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และเป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่เมื่อทำแฮตทริกได้ในเกม "เอล กลาซิโก้" กับทีมเรอัล มาดริด ในนัดที่เสมอกับบาร์เซโลน่า 3-3 ที่คัมป์ นู ซึ่งทำให้เมสซี่ กลายเป็นผู้เล่นคนแรกในรอบนับสิบปีที่ทำแฮตทริกได้ในเกมนี้ นับตั้งแต่อีวาน ซาโมราโน่ ทำไว้เมื่อปี 1994-95 และหากนับของบาร์ซ่า ก็เป็นคนแรกตั้งแต่โรมาริโอ ทำได้เมื่อปี 1993-94 เลยทีเดียว และยังเป็นเจ้าของสถิติผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ยิงได้ในเกมเอล กลาซิโก้ ด้วย
 
     แต่เรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมสซี่ เกิดขึ้นหลังจากนั้นเมื่อทำได้คนเดียว 2 ประตูในเกมโคป้า เดล เรย์ กับเคตาเฟ่ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือประสุดอัศจรรย์ด้วยการลากเดี่ยวจากครึ่งสนามฝ่าผู้เล่นเคตาเฟ่ 6 คนเข้าไปทำประตูอย่างเหลือเชื่อ ซึ่งเป็นประตูที่แทบจะถอดแบบประตูแห่งศตวรรษที่มาราโดน่า ทำได้ในฟุตบอลโลก 1986 ที่เม็กซิโก ในเกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายกับทีมชาติอังกฤษ ที่ถือเป็นประตูในตำนานตลอดกาลของฟุตบอลโลกเลยทีเดียว
     หลังจากนั้นได้มีการนำสองประตูที่ว่ามาเปรียบเทียบกันแบบช็อตต่อช็อต และพบว่าเป็นประตูที่มาจากพิมพ์เดียวกันจริงๆทั้งจำนวนระยะทางที่เท่ากัน (62 เมตร) และยังเป็นการเลื้อยผ่านผู้เล่นเท่ากันคือ 6 คน (รวมผู้รักษาประตู) ยิงประตูจากมุมเดียวกัน แถมยังวิ่งไปฉลองการทำประตูที่มุมธงเหมือนที่มาราโดน่าทำอีกต่างหาก สิ่งเดียวที่แตกต่างคือมาราโดน่า แปด้วยเท้าซ้าย ส่วนเมสซี่ ยิงหักข้อด้วยเท้าขวา
     หนังสือพิมพ์ในสเปนถึงกับให้ฉายาใหม่แก่เมสซี่ว่า "เมสซี่โดน่า" ทีเดียวกับตำนานบทใหม่นี้ และทุกฝ่ายก็ต่างจับตามองเส้นทางของเจ้าหนูมหัศจรรย์คนนี้
     นอกเหนือจากการลากเลี้ยงสไตย์บาร์เซโลนาแล้ว ผลงานของเมสซี่ในช่วง 2007-2008 ไม่ค่อยมีใครจดจำนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าทางทีมต้นสังกัด บาร์เซโลนา ไปไม่ถึงไหน ตกรอบทุกรายการรวมถึงโดนทีมคู่รักคู่แค้นอย่าง เรอัล มาดริด แย่งแชมป์ไปด้วย ทำให้ไม่เป็นที่จับตามองเท่าไหร่นัก
     จนกระทั่งการเข้ามาคุมทีมของ โจเซ็ป กวาดิโอลาร์ และการจากไปของ แฟรงค์ ไรจ์การ์ด และ โรนัลดินโญ่ เป๊บ กุนซือคนใหม่ ทำอีท่าไหนไม่มีใครทราบ ส่งให้เจ้าหนูตีนระเบิดจากอาร์เจนตินา ยิงไปในฤดูกาลเดียวทั้งสิ้น 38 ประตู จ่ายให้ยิงอีก 18 ในจำนวนการลงสนามทั้งสิ้น 51 นัด!!! มีส่วนช่วยให้ทีมเจ้าบุญทุ่ม คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ได้ในฤดูกาลที่ 2008/09
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ messi 2008
     ต่อมาในฤดูกาล 2009-10 เมสซี่ พาทีมบาร์เซโลน่าคว้าแชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ ได้สำเร็จ และเขาก็ได้รับรางวัล บัลลง ดอร์ ในวันที่ 1 ธันวาคม 2009 โดยเฉือนเอาชนะ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไปได้ ต่อมาในวันที่ 19 ธันวาคม เมสซี่ ก็ยิงประตูให้กับทีมเอาชนะ เอสตูเดียนเตส คว้าแชมป์ คลับ เวิลด์ คัพ ซึ่งเป็นแชมป์รายการที่ 6 ของ "เจ้าบุญทุ่ม" ในปีนี้ ทำให้เขาได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของโลก จากการจัดอันดับของฟีฟ่ามาอีกด้วย ส่วนในลา ลีก้า เมสซี่ คว้านักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน เขาทำได้ 47 ประตูและส่งบอลให้เพื่อนยิงประตู 11 ครั้ง จากการแข่งขันทุกรายการในฤดูกาลนี้
     ในฤดูกาล 2010-11 เมสซี่ กดแฮตทริค ช่วยให้ บาร์เซโลน่า เอาชนะ เซบีย่า 4-0 กลับมาคว้าแชมป์ สแปนิช ซูเปอร์ คัพ หลังจากที่พ่ายแพ้มาก่อน 1-3 ในนัดแรก และเขาก็คว้ารางวัล บัลลง ดอร์ ได้อีกครั้ง โดยเอาชนะ ซาบี้ และ อินเนียสต้า เพื่อนร่วมทีมไป ตอนจบฤดูกาล เมสซี่ พาบาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ลา ลีก้าได้อีกครั้ง โดยที่เขายิงไปทั้งหมด 31 ประตู และส่งบอลให้เพื่อนยิงอีก 18 ครั้ง ส่วนใน ยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก เขาก็พาทีมคว้าแชมป์มาได้เหมือนกัน โดยเป็นแชมป์สมัยที่ 3 ในรอบ 6 ปีเลยทีเดียว ทำให้ เมสซี่ จบฤดูกาล 2010-11 ด้วยสถิติ ยิงประตูมากถึง 53 ประตู และส่งให้เพื่อนยิงอีก 24 ครั้ง เมื่อรวมทุกรายการ
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เมสซี่บัลล2009
     ต่อมา ฤดูกาล 2011-12 เมสซี่ ก็พาทีมคว้าแชมป์ สแปนิช ซูเปอร์ คัพ ได้อีกครั้ง โดยเอาชนะอริตลอดกาล อย่าง เรอัล มาดริด ไปได้ และก็พาทีมเอาชนะ ปอร์โต้ คว้าแชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ
ได้อีกสมัย ต่อมา เขาก็ยิงประตูพา "เจ้าบุญทุ่ม" คว้าแชมป์ คลับ เวิลด์ คัพ ได้อีกเช่นกัน ส่งผลให้เขาสามารถคว้ารางวัล บัลลง ดอร์ ได้อีกครั้ง ซึ่ง เมสซี่ กลายเป็นนักเตะคนที่สี่ ที่คว้าบัลลง ดอร์ ได้ถึง 3 ครั้ง และก็เป็น 3 ครั้งติดต่อกันด้วย ในวันที่ 25 พฤษภาคม เมสซี่ ยิงประตูในนัดชิง โคปา เดล เรย์ ช่วยให้ บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ สมัยที่ 26 ในถ้วยใบนี้ได้สำเร็จ แต่ในลา ลีก้า นั้น เขาไม่สามารถช่วยทีมคว้าแชมป์มาได้ ต้องเสียแชมป์ไปให้กับ เรอัล มาดริด เขาได้รับรางวัลดาวซัลโว เป็นการปลอบใจ โดยเขาซัดไปถึง 50 ประตู เป็นสถิติใหม่ของลา ลีก้า เลยทีเดียว แต่เมื่อรวมทุกรายการในปีนี้ เมสซี่ ยิงไป 73 ประตู และส่งให้เพื่อนทำประตูอีก 29 ครั้ง ซึ่งไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ messi
     ในฤดูกาล 2012-13 วันที่ 9 ธันวาคม เมสซี่ ยิง 2 ประตู ในเกมที่พบกับ เรอัล เบติส ซึ่งเป็นประตูที่ 85 และ 86 ของเขา ในปี 2012 นี้ ทำลายสถิติของ "ไอ้ลูกระเบิด" แกร์ด มุลเลอร์ ตำนานนักเตะชาวเยอรมัน ที่ยิงได้ 85 ประตู ตั้งแต่ปี 1972 ได้สำเร็จ ซึ่งสุดท้ายแล้ว ตอนสิ้นปี 2012 เขายิงได้ทั้งหมดถึง 91 ประตู ทำให้เขาสามารถคว้ารางวัล บัลลง ดอร์ ได้อีกครั้ง เมสซี่ จึงกลายเป็นนักเตะคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่คว้า บัลลง ดอร์ ได้ถึง 4 ครั้ง สำหรับในลา ลีก้า เขาพาทีมทวงแชมป์กลับมาจาก เรอัล มาดริด ได้สำเร็จ โดย บาร์เซโลน่า ทำคะแนนรวมในลีก ได้ถึง 100 คะแนน ถือเป็นสถิติใหม่ของสโมสร ทำให้ เมสซี่ จบฤดูกาลด้วยตำแหน่งดาวซัลโวอีกครั้ง เป็นการรับรางวัลนี้ 2 ปีซ้อน โดยยิงไป 46 ประตู และส่งให้เพื่อนทำประตูอีก 12 ครั้ง แต่ถ้ารวมทุกรายการในปีนี้ เขายิงไป 60 ประตู และผ่านบอลให้เพื่อนทำประตู 16 ครั้ง

     และในฤดูกาล 2013-14 นี้ เมสซี่ เปิดฤดูกาลด้วยการซัด 2 ประตู และส่งให้เพื่อนทำประตูอีก 1 ครั้ง ในนัดที่ถล่ม เลบานเต้ ไป 7-0 เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม และต่อมาในวันที่ 1 กันยายน เขาก็ระเบิดแฮตทริคที่ 23 ในชีวิตการค้าแข้งของตัวเองได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะ บาเลนเซีย ไป 3-2
     ช่วงต้นซีซั่น 2015 บาร์เซโลน่าออกสตาร์ทได้ไม่ดีเท่าไหร่ บวกกับงข่าวลือว่าเมสซี่จะย้ายทีม แต่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในเกมที่เอาชนะแอตเลติโก มาดริด ไป 3-1 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เกิดสามประสาม MSN หลังจากห้าปีที่ถูกจับไปเล่นตรงกลาง เมสซี่ก็ได้หวนกลับตำแหน่งเดิมอย่างปีกขวาอีกครั้ง โดยการให้หลุยส์ ซัวเรซ เป็นหัวหอก ตั้งแต่นั้นมาเมสซี่ก็คืนฟอร์มสุดยอดของตัวเองได้ และแทบจะเรียกได้เวลาเป็นผลงานที่ดีที่สุดของเจ้าตัว ประสานงานเกมรุกกับทั้งเนย์มาร์และซัวเรซได้อย่างน่าเกรงขาม จบซีซั่นเมสซี่ซัดไปถึง 58 ประตู นับรวมกันสามคนก็ถล่มไปถึง 122 ลูก ในทุกรายการ เป็นสถิติของวงการฟุตบอลสเปน แถมช่วยทีมคว้าทริปเปิ้ล แชมป์
     เมสซี่เปิดศักราชใหม่ในปี 2015-16 ด้วยการซัดสองฟรีคิก ในเกมที่เอาชนะเซบีญ่าไป 5-4 ในศึกยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และกลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ลงเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก ครบ 100 นัด เมื่อวันที่ 16 กันยายน ต่อมาได้รับบาดเจ็บหัวเข่าในเกมกับลาส พัลมาส จนต้องพักไป 6-8 สัปดาห์ สุดท้ายก็กลับมาในศึกเอล กลาซิโก้ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ลงสนามเป็นตัวสำรอง ช่วยทีมเอาชนะไป 4-0 สุดท้ายเป็นผู้ทำประตูเบิกร่องในศึกฟุตบอลสโมสรโลก 2015 ในวันที่ 20 ธันวาคม สุดท้ายก็ช่วยทีมคว้าแชมป์รายการนี้ได้สำเร็จ ซึ่งเป็นถ้วยที่ 5 ของปี 2015 อีกทั้งยังได้รับรางวัลลูกบอลเงิน แม้พลาดลงสนามในรอบรองชนะเลิศ